Skip to content

FILLER ( ฟิลเลอร์ ) คืออะไร?

ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า HA เป็นสารที่ช่วยเติมเต็มในชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งผิวหนังของคนเราจะมีใยคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญ ทำหน้าที่ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแก่ผิว แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นใยคอลลาเจนเหล่านี้จะค่อยๆ ลดจำนวนลง ทำให้ผิวบาง เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น จึงมีการพัฒนาฟิลเลอร์ขึ้นมาเพื่อทดแทนใยคอลลาเจนที่หายไปครับ เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปร่องริ้วรอยจะตื้นขึ้น หน้าดูเด็กลง ไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรมและไม่ต้องพักฟื้น

ฟิลเลอร์ อันตรายไหม ?

สำหรับคนที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์และสงสัยว่า ฟิลเลอร์อันตรายไหม? ฉีดฟิลเลอร์แล้วมีผลข้างเคียงหรือไม่? ต้องทราบข้อมูลก่อนว่าจริงๆ แล้ว ฟิลเลอร์ประเภทที่ปลอดภัยที่สุดคือ HA (Hyaluronic Acid) เท่านั้นครับ เนื่องจากสามารถสลายหมด 100% และฉีดใหม่ได้เรื่อยๆ

Fillerปลอมอันตรายไหม ? จะสังเกตฟิลเลอร์แท้ได้อย่างไรบ้าง?

การฉีดฟิลเลอร์ปลอมมีอันตรายมากครับ หลังฉีดไปแล้วเกิดการย้อยเป็นก้อนแข็ง อาจมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ อักเสบติดเชื้อ บวมแดง และในรายที่อาการหนักอาจเนื้อตายหรือตาบอดได้ บางเคสเจอฟิลเลอร์ราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย ฉีดแล้วมีปัญหาไม่สามารถสลายได้ต้องผ่าตัดหรือขูดออกเสียทั้งเงินและเวลาครับ

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยคนไข้ควรศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ ว่ามีจุดสังเกตอะไรบ้าง และมีบริษัทนำเข้ามาอย่างถูกกฎหมายหรือไม่

(Filler) ในทางการแพทย์จะหมายถึง การฉีดสารเติมเต็ม (Injectible Filler) ในต่างประเทศ
แบ่งออกได้ 4 ประเภท ดังนี้

1. HA (Hyaluronic Acid)

ปลอดภัย สลายหมด มีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก

2. Collagen จากสัตว์

ปัจจุบันไม่นิยมใช้เนื่องจากมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ บวมแดงได้ง่าย

3. Transplanted Fat

 หรือการเติมไขมัน จะเหมาะกับคนที่ต้องการฉีดครั้งละมากๆ 10-20 CC

4. Biosynthetic polymers

เป็นกลุ่มของซิลิโคนเหลว ไม่สลาย ไม่ปลอดภัยและไม่ผ่านอย.

FILLER ( ฟิลเลอร์ ) แบ่งได้ 3 ชนิด ดังต่อไปนี้

การฉีดสารเติมเต็มแบบชั่วคราว (Temporary Filler)

เช่น สารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) สารคอลลาเจน (Collagen) ซึ่งเป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นมาให้ใกล้เคียงกับที่มีอยู่แล้วในผิวหนัง ที่ใช้ในปัจจุบันเป็นชนิดที่ไม่ทำให้เกิดการแพ้หรือแพ้น้อยมาก เมื่อฉีดเข้าบริเวณที่ต้องการแก้ไขแล้วจะคงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน จัดว่ามีความปลอดภัยสูงและสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ

การฉีดสารเติมเต็มแบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler)

เช่น สาร PMMA (Polymethyl-methacrylate) สารโพลีอัลคิลลิไมด์ (Polyakylimide)

สารเหล่านี้เป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้น แต่มีความเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ จะมีอายุยาวกว่าการฉีดฟิลเลอร์แบบชั่วคราว อาจอยู่ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นกับชนิดของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ มีความปลอดภัยในระดับปานกลาง และสารที่ให้ผลยาวนานกว่ามีแนวโน้มจะเกิดผลข้างเคียงมากกว่า

การฉีดสารเติมเต็มแบบถาวร (Permanent Filler)

เช่น ซิลิโคนเหลว หรือน้ำมันพาราฟิน จะให้ผลลัพธ์แบบถาวรโดยไม่สามารถสลายออกเองได้ การฉีดสารประเภทนี้ระบุผลข้างเคียงในระยะยาวไม่ได้ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง มีการอักเสบ หรือถึงขั้นทำให้บริเวณที่ฉีดเปลี่ยนรูปไป จึงไม่แนะนำให้ฉีดสารชนิดนี้

filler12

" ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ "

  • การฉีดฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ ใช้เวลาน้อย ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น

  • การฉีดฟิลเลอร์สามารถปรับโครงสร้างใบหน้าให้ได้รูป

  • การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มจุดบกพร่องที่ทำให้ดูสูงวัย เช่น ริ้วรอย ร่องลึกรอบดวงตา มุมปาก แก้มตอบ หลุมสิว ให้เต่งตึงมากยิ่งขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ในทันทีที่ฉีด แก้ปัญหารอยแผลเป็น และยังช่วยเสริมโหงวเฮ้งตามความเชื่อได้อีกด้วย

  • การฉีดฟิลเลอร์ชนิดชั่วคราวที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นสารจากธรรมชาติที่สามารถสลายได้เอง ไม่มีปัญหาตกค้างในร่างกาย และมักไม่ทำให้เกิดอาการแพ้อีกด้วย

filler11

ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์

  1. ศึกษาข้อมูลที่จำเป็น ทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน การเลือกหมอ เทคนิคในการทำ รวมไปถึงวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี คุ้มค่า
  2. มียาและวิตามินบางชนิดที่ควรงดก่อนฉีดฟิลเลอร์ แอสไพริน, NSAIDs, วิตามิน Johns Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E
  3. งดยาผลัดเซลล์ผิว การดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
  4. งดคอร์สเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีด
  5. หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
  6. แพทย์จะพิจารณาให้กินยาห้ามเลือดหรือฉีดยาลดบวมในบางเคส เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมช้ำ อักเสบติดเชื้อ
  7. สามารถแจ้งเพื่อขอแปะยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ได้และหมอจะฉีดยาชาในจุดนั้นๆ ให้ด้วย
filler11

วิธีดูแลตนเอง หลังฉีดฟิลเลอร์

  1. หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกาและกดนวดในจุดที่ฉีด อาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำเป็นปกติ จะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน (หากหลังจาก 3 วันไปแล้ว มีอาการบวมมากขึ้นให้ติดต่อกลับมาที่คลินิกเพื่อรับยากินเพิ่มครับ)
  2. หากก่อนทำไม่ได้กินยาฆ่าเชื้อ หลังทำควรรีบกินยาฆ่าเชื้อทันที นอกจากนี้ยังมียาแก้ปวด ลดบวมกลับไปให้ทานด้วยครับ
  3. ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย48 ชม. เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
  4. ให้งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
  5. อย่าขยับผิวในจุดที่ทำมากโดยเฉพาะช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้ครับ
  6. ควรงดทานอาหารบางอย่างที่ส่งผลต่อการอักเสบ บวมและทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ช้า ดังนี้ครับ
    – เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
    – อาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ หมูกระทะ ชาบู
    – อาหารหมักดอง อาหารที่เผ็ดมากๆ จนหน้าแดง อาหารหวานจัดและอาหารดิบจากร้านที่ไม่สะอาด
    – งดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ยุบบวมช้าและส่งผลการรักษาอยู่ได้สั้นลงด้วย
Other Service

เลเซอร์ขน

ND YAG LASER เลเซอร์ขน คือ วิธีการกําจัดขนโดยอาศัยพลังงานความร้อนจากแสงไปทำลายรากขน โดยบริเวณรากขนจะมีเซลล์เม็ดสีที่เรียกว่า เมลานิน ซึ่งทำหน้าที่ดูดพลังงานแสงให้มาอยู่ที่บริเวณรากขน แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ทำให้เส้นขน รากขน และเนื้อเยื่อต่างๆ ที่ทำหน้าที่ผลิตขน ถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว

Read More »

Filler

FILLER ( ฟิลเลอร์ ) คืออะไร? ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า HA เป็นสารที่ช่วยเติมเต็มในชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งผิวหนังของคนเราจะมีใยคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญ

Read More »

AquaShape by Body-Jet

ที่สุดแห่งนวัตกรรม คืนความอ่อนเยาว์…ด้วยไขมันตัวเอง AquaShape by Body-Jet ช่วยคุณได้ ด้วยกรรมวิธีเฉพาะของ AquaShape by Body-Jet นวัตกรรมใหม่ในการคืนความอ่อนเยาว์…ด้วยไขมันตัวเองที่ใช้ เทคโนโลยีแรงดันน้ำ Water Jet ในการกำจัดเซลล์ไขมันส่วนเกินที่เราไม่ต้องการ

Read More »

" ให้คำปรึกษา ลงทะเบียนรับสิทธิ์โปรโมชั่นฟรี "

" ให้คำปรึกษา ลงทะเบียนรับสิทธิ์โปรโมชั่นฟรี "